ตั้งเป้าหมายรักสุขภาพรับปี 2020 กันเถอะ

สิ่งดีๆ เริ่มต้นที่การมีสุขภาพที่ดี หากในปี 2020 นี้ คุณอยากเป็นคนหนึ่งที่มีความสุข ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ ในปี 2020 นี้ เราจึงอยากชวนคุณมาตั้งเป้าหมายรักสุขภาพ ด้วยการทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัย

ออกกำลังกายให้ได้ตามเป้า

1. สำหรับคนที่อยากออกกำลังกายให้สุขภาพดี ควรออกกำลังกายเบาๆ เช่น วิ่ง เดินเร็ว หรือโยคะวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค
   
   2. สำหรับคนที่อยากออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ให้ออกกำลังกายความเข้มข้นปานกลาง – สูง วันละ 60-90 นาที สัปดาห์ละ 6 วัน โดยแบ่งเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 3 วัน เล่นเวทวันละ 40-60 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์
   
   ถ้ามีวินัย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากจะหุ่นสวยแล้ว สุขภาพจิตก็จะดี ภูมิต้านทานแข็งแรง และผิวสวยด้วยนะ

กินอาหารดีแบบ 2:1:1

อาหารที่กินเข้าไป คือสิ่งสำคัญที่ชี้วัดว่าคุณจะมีสุขภาพดีแค่ไหน ในปีนี้หันมาใส่ใจการกินอาหารดีๆ โดยใช้สูตร 2 1 1 กันดีกว่า
สูตร 2 1 1 คือ การแบ่งอาหารในจานของคุณออกเป็น 4 ส่วน
2 ส่วนแรก เป็นพื้นที่ของผัก
1 ส่วน เป็นพื้นที่ของข้าว
1 ส่วนเป็นพื้นที่ของเนื้อสัตว์
อย่าลืมเลี่ยงของทอด ของมัน และอาหารแปรรูป เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณด้วย

กินน้ำตาลไม่เกิน6ช้อนชาต่อวัน

ตามหลักแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และเด็กควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม/วัน แต่ในยุคนี้เราบริโภคน้ำตาลกันเกินขีดจำกัดเป็นว่าเล่น บางคนติดรสหวาน ขาดน้ำตาลไม่ได้ จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย เช่น น้ำหนักเพิ่ม หน้าแก่ก่อนวัย อารมณ์แปรปรวน เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และโรคซึมเศร้า ฯลฯ ปีหน้าจึงอยากชวนมาตั้งเป้า ลดปริมาณน้ำตาลกันเถอะ

เข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม

ถ้าอยากมีสุขภาพดี อย่ามองข้ามความสำคัญของการนอนโดยเด็ดขาด และถ้าคุณอยากมีผิวสวย สมองไบรท์ หน้าเด็ก ห่างไกลโรคภัย ขอแนะนำให้เข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม ทั้งนี้เป็นเพราะ
1. การเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม ทำให้ร่างกายหลั่งโกลทฮอร์โมนออกมาได้เต็มที่ ทำหน้าผิวใส หน้าเด็ก
2. ร่างกายกำจัดสารพิษในสมองได้ดีในช่วงหลัง 4 ทุ่มถึงตี 2 การนอนก่อนสี่ทุ่มจึงช่วยให้ความจำดี
3. การนอนก่อนสี่ทุ่มทำให้ระบบเผาผลาญดี ทำให้คุณเป็นเจ้าของรูปร่างที่ดีได้ไม่ยาก

อยู่ให้ไกลความเครียด

ความเครียดคือตัวการทำลายสุขภาพที่อันตรายและคุมได้ยากที่สุด เมื่อเราเครียด ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการแปรปรวน ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาทั้งแต่ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ รวมไปถึงอาจเป็นต้นกำเนิดของโรคร้ายเช่นมะเร็งก็ได้เช่นกัน ในปีนี้เราลองสัญญากับตัวเองดูว่า จะรักตัวเองให้มาก และไม่ปล่อยให้ความเครียดทำร้ายเรา โดยอาจหาตัวช่วยเช่น

1. ออกกำลังกายคลายเครียด
   2. ฝึกคิดบวก และปล่อยวางในเรื่องที่ทำให้เครียด
   3. นวดผ่อนคลาย หรืออาบน้ำอุ่น
   4. หากไม่สามารถจัดการความเครียดได้ อาจลองปรึกษาจิตแพทย์